วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในสถานศึกษาด้านการบริหาร

          ภารกิจในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ มาใช้เพื่อการศึกษาซึ่งประโยชน์ที่ได้รับคือช่วยให้สะดวกต่อทำงาน หาข้อมูลสามารถนำมาใช้ทำงานให้สะดวกหรือง่ายขึ้นและลดความผิดพลาดสำหรับงานที่ซับซ้อนยุ่งยากได้จะยกตัวอย่างประโยชน์ICT  เช่น การเก็บข้อมูลโต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้นการเก็บข้อมูลของครู อาจารย์ เช่น ระดับขั้น เงินเดือนและถ้ามีงบประมาณมากๆก็สามารถติดต่อข้อมูลทางเครือข่ายได้ทำให้มีความสะดวกยิ่งขึ้นให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารระหว่างครู อาจารย์ และสามารถเก็บข้อมูลของนักเรียนได้อีกด้วยสำหรับข้อเสียคือการใช้ICTไม่ถูกทางมากกว่าไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู อาจารย์หรือผู้บริหารก็ตาม การปกปิดข้อมูล หรือปรับเปลี่ยนข้อมูลไม่ว่าจะในทางผลประโยชน์หรือในทางใดก็ตาม ก็เป็นผลเสียในการใช้ ICT ในการศึกษาทั้งสิ้นสำหรับนักเรียนถ้าใช้ไม่ถูกทางอาจเกิดผลเสียได้เช่นกันเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษากลุ่มงานเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ได้ศึกษากรอบแนวทางในการพัฒนาโดยได้ค้นคว้าและศึกษาเอกสารเพื่อจะนำมาใช้ในการพัฒนางาน ดังนี้
1. พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 กำหนดให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545–2549) กับเทคโนโลยี
3. กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศระยะ พ.ศ. 2544-2553 ของประเทศไทย
4.  แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาของ ศธ. (พ.ศ. 2547 –2549)
5.ทิศทางการบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
1. พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 กำหนดให้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
          พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในมาตรา
63-69 ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาว่าได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการจัดการด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาโดยกำหนดขอบเขตครอบคลุมไปถึงการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาบุคลากร การวิจัยการจัดตั้งกองทุนและหน่วยงานกลางเพื่อวางนโยบายและบริหารงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีการศึกษา
 2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 25452549) กับเทคโนโลยี
    ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 ด้านดังนี้
                1) การประยุกต์ใช้และการพัฒนาเทคโนโลยี
                2) การพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
                3) การยกระดับการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
                4) การบริหารการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มุ่งประสิทธิผล
3. กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศระยะ พ.ศ. 2544-2553 ของประเทศไทย
กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศระยะ พ.ศ. 2544-2553ของประเทศไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ไว้ 5 ด้าน คือ  ด้านการบริหารงานของรัฐบาล (E-GOVERNMENT) ด้านการพานิชยกรรม (E-COMMERCE)ด้านการอุตาสาหกรรม (E-INDUSTRY) ด้านการศึกษา (E-EDUCATION) และด้านสังคม(E-SOCIETY)โดยได้กำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาด้านการศึกษา (E-Education) ดังนี้เป้าหมาย  พัฒนาและเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับของประเทศเพื่อรองรับการพัฒนาสู่การเป็นสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้

ยุทธศาสตร์การพัฒนา
1.พัฒนากลไกการบริหารนโยบายและการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ที่มี
                 ประสิทธิภาพ
2.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศเพื่อการศึกษาให้เกิดการเข้าถึงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
3.สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับ
4.เร่งพัฒนาและจัดหาความรู้ (Knowledge) และสาระทางการศึกษา(Content)ที่มีคุณภาพและมีความเหมาะสม
5.ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้
 ยุทธศาสตร์การพัฒนา
1.พัฒนากลไกการบริหารนโยบายและการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ที่มีประสิทธิภาพ
2.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศเพื่อการศึกษา ให้เกิดการเข้าถึงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
3.สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกระดับ
4.เร่งพัฒนาและจัดหาความรู้ (Knowledge) และสาระทางการศึกษา(Content) ที่มีคุณภาพและมีความเหมาะสม
5.ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้
ทิศทางการบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
             การบริหาร หมายถึงการทำงานให้สำเร็จแต่จะมีกลวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้งานสำเร็จได้นั้น โดยยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อมุ่งบรรลุเรื่อง 3 เรื่อง คือ หนึ่งใช้คนเท่าเดิมทำงานได้มากขึ้น สองงานเท่าเดิม แต่ใช้คนน้อยลง และสามคุณภาพของงานต้องดีเท่าเดิม หรือดีกว่า 
กลยุทธ์เพื่อการบริหารงาน บริหารจัดการงาน การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นมีแนวทางดังนี้
            1)  การใช้ระบบข้อมูลสารสนเทศ (Information Utilization)  เพื่อประกอบการตัดสินใจให้มากขึ้น 
            2)  การบริหารทางไกล (High-Tech Administration) 
3)  การหาความรู้ทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) 
4)  การมองการณ์ไกล (Introspection)
5)   การใช้หน่วยงาน/องค์กรอื่นทำงาน (Decentralization)
6)   การจัดรูปองค์กรที่ทำงานได้ฉับไว (Organization Development)
7)   การพัฒนาบุคลากร (Personnel Development
ระบบสารสนเทศทางการศึกษา
    ระบบ (System) คือ ชุดขององค์ประกอบซึ่งมีปฏิสัมพันธ์ ต่อกันในรูปของความเป็นหนึ่งเดียวและ ดำเนินงานร่วมไปสู่เป้าหมายเดียวกัน  ประกอบด้วยส่วนสำคัญสี่ประการ คือ
1. ข้อมูลนำเข้า  (Input)
2. กระบวนการประมวลผล (Process)
3. ผลลัพธ์ (Input)
4. การควบคุมการย้อนกลับ (Feedback  Control)
ประโยชน์ของระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร
1. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์
2. ช่วยผู้ใช้ในการกำหนดเป้าหมายกลยุทธ์และการวางแผนปฏิบัติการ
3. ช่วยผู้ใช้ในการตรวจสอบประเมินผลการดำเนินงาน
4. ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อหาวิธีควบคุม ปรับปรุงและแก้ไขปัญหา
5. ช่วยผู้ใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
6.  ช่วยลดค่าใช้จ่าย    
สรุป การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในสถานศึกษาด้านการบริหาร
 เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในสถานศึกษาด้านการบริหาร เพื่อเป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศให้ครบวงจรการบริหารงานทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการบริหารงานด้านวิชาการ  ด้านการบริหารงานด้านกิจการนักเรียน  ด้านการบริหารงานธุรการ  และด้านการบริหารงานบริการ  เพื่อเป็นฐานข้อมูล ในการบริการแก่สมาชิกในองค์กร และประชาชนทั่วไป ทั้งยังเป็นการสนับสนุนผู้บริหารในงานระดับวางแผนนโยบายและกลยุทธ์ขององค์การโดยที่ EIS จะถูกนำมาให้คำแนะนำผู้บริหารในการตัดสินใจเมื่อประสบปัญหาแบบไม่มีโครงสร้างหรือกึ่งโครงสร้าง โดย EIS เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่พิเศษของผู้บริหารในด้านต่าง ๆ สถานการณ์หรือ เหตุปกติ ตัวอย่างรายงานที่ออกโดยระบบ MIS เช่น การวิเคราะห์การขายแยกตามพื้นที่ การวิเคราะห์ต้นทุน งบประมาณประจำปี การวิเคราะห์การลงทุน และตารางการผลิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น